Case Study


Krispy Kreme
คริสปี้ครีม โดนัท
เวมอน รูดอลฟ์เริ่มเปิดบริษัทที่ชื่อคริสปี้ครีมในวันที่ 13 กรกฏาคม 1937 ที่วินสตั้น ซาเลม รัฐนอร์ทแคโรไรน่า โดยการนำเอาโดนัทไปขายที่ร้านซุปเปอร์มาเก็ตในท้องถิ่น และหลังจากนั้นลูกค้าที่ร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตก็เริ่มเดินเข้ามาถามว่าพวกเขาสามารถซื้อโดนัทใหม่และร้อนได้หรือไม่ ดังนั้น รูดอลฟ์จึงตัดสินใจทำกระจกหน้าต่างที่ซุปเปอร์เพื่อเปิดขายโดนัทที่สดใหม่ให้กับลูกค้าโดยตรง ระหว่างช่วงปี 1950 การทำโดนัทของบริษัทก็ได้เปลี่ยนไปเป็นการใช้เครื่องจักรที่ใช้แรงดันแป้งเข้ามาช่วยในการผลิต
โครงสร้างบริษัท
คริสปี้ครีมเป็นองค์กรที่เป็นแนวดิ่งประกอบด้วย ฝ่ายการปฏิบัติงาน(Company Store Operations) ฝ่ายแฟรนไชน์(Franchise Operations) ฝ่ายการผลิตและจัดจำหน่าย(KKM&D) การขายโดนัทคริสปี้ครีมมีทั้งช่องทางจัดจำหน่ายภายในร้านของคริสปี้ครีมเองและการผลิตส่งเพื่อขายนอกร้าน การขายภานในร้านประกอบไปด้วยการขายให้กับลูกค้ารายย่อยทั่วไปที่เข้ามาเยี่ยมชมร้านหรือการDrive-through และยังรวมถึงการจำหน่ายตามงานการกุศลในชุมชน ส่วนการจำหน่ายนอกร้านคริสปี้ครีมประกอบด้วยการผลิตและจัดส่งโดนัทไปยังร้านค้าภายใต้แบรนด์ของร้านค้าที่ซื้อโดนัท หรือการไม่ใส่แบรนด์ ไปยังร้านสะดวกซื้อและร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่น
การแข่งขัน
คู่แข่งขันอันดับหนึ่งของคริสปี้ครีมคือ ดังกิ้นโดนัท ซึ่งเพิ่งจะฉลองการครบรอบการก่อตั้ง55ปีไปในปี 2005 ดังกิ้นมีร้านทั้งหมด 5,438 ร้าน โดยที่ 1602 ร้านอยู่นอกสหรัฐอเมริกาและอีก 3836 ร้านอยู่ในสหรัฐอเมริกา การเพิ่มความรุนแรงในเชิงการแข่งขันแล้วนั้น หากเราพิจารณาถึงปริมาณแคลลอรี่ในโดนัทแล้ว ดังกิ้นมี 180 กิโลแคลลอรี่ ในขณะที่คริสปี้ครีมมี 200 กิโลแคลลอรี่ดังกิ้นมีโดนัทขายอยู่ 25 ชนิด รวมทั้งเครื่องดื่ม แซนด์วิชอาหารเช้าและเบเกิ้ล ส่วนคริสปี้ครีมมี 25 ชนิดและรสพิเศษอย่างฟักทองเพิ่มเข้ามาที่ขายอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง นอกจากนี้คริสปี้ครีมยังขายเครื่องดื่มอย่างกาแฟ เอสเปรสโซ่ น้ำปั่น นมรสชาติต่างๆ และตั้งแต่ที่คริสปี้ครีมเริ่มนำเอาเครื่องดื่มประเภทดังกล่าวเข้ามาวางในร้าน ทำให้สตาร์บั๊กกลายเป็นคู่แข่งคนสำคัญของคริสปี้ครีมไป สตาร์บั๊กซื้อและอบเม็ดกาแฟที่มีคุณภาพเองและขายกาแฟสด ในร้านจำนวนกว่า 6800 สาขาทั่วโลก นอกจากนี้สตาร์บั๊กยังมีขนมปังPastries ละของหวาน ประกอบควบคู่ไปกับการขายเครื่องทำกาแฟและอุปกรณ์อื่น
ภาพรวมในอุตสาหกรรม
กลุ่มตัวเลขการรับประทานอาหารแบบไม่เป็นทางการยังคงเจริญเติบโตได้ส่วนแบ่งทางการตลาด (Market Share) สูงกว่าร้านอาหารฟาสฟู๊ด ในช่วงปี 2004 อัตราราคาเงินเฟ้อของอาหารเริ่มมีการเพิ่มขึ้น โดยหลายๆธุรกิจก็มีความพยายามที่จะร่วมมือในการลดค่าใช้จ่ายจากภาคปฏิบัติการ ลดการขยายกิจการในตลาดฟาสฟู๊ดนี้ บริษัทฟาสฟู๊ดบางบริศัทกำลังมองการขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ และในระหว่างนั้นเอง กระแสทางเลือกการรับประทานอาหารที่ Healthy หรือที่มีสุขภาพก็เริ่มมาแรงขึ้น
ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงเปอร์เซนต์ของราคาอาหารชี้ให้เห็นว่าถูกใช้ไปกับการรับประทานอาหารนอกบ้าน ด้วยเปอร์เซนต์จำนวนคนที่ทำงานมากขึ้น เวลาที่ใช้เตรียมอาหารทานที่บ้านเองก็น้อยลง คริสปี้ครีมเชื่อว่ากระแสนี้ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของการมีรายได้สองทาง (two-income households) จะทำให้คนบริโภคของว่างเพิ่มขึ้นรวมทั้งโดนัทด้วย
ปัจจัยภานใน
การตลาด  การขายภายในร้านของคริสปี้ครีมมีทั้งรายได้จากการขายหน้าเคาน์เตอร์ Drive-through และการขายผ่านในงานการกุศลของชุมชนในราคาลดราคา ส่วนการขายนอกร้านได้แก่การขายโดยใช้แบรนด์ของคริสปี้ครีมเองและการใช้แบรนด์อื่นที่ขายในร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อ นอกจากนี้คริสปี้ครีมยังดึงดูดลูกค้าด้วยการสร้างโรงหนังแสดง ซึ่งก็คือการทำกระจกให้ลูกค้าเห็นกระบวนการทำโดนัทสด
การผลิต  ในแต่ละสาขาคริสปี้ครีมสามารถผลิตโดนัทได้วันละ 40,000 ถึงมากกว่า 10,000 หล แผนกเครื่องดื่มก็ถูกนำไปพัฒนาในร้านกว่า 70 สาขา โดยคาดการณ์ว่าสาขาที่เหลือจะมีการนำแผนกเครื่องดื่มที่เน้นเอสเพรสโซ่และน้ำปั่นลงไปวางในร้านด้วยภานใน 12-18 ดือน
ประเด็นในต่างประเทศ
ขณะนี้คริสปี้ครีมมีสาขาอยู่ในต่างประเทศที่ แคนนาดาและออสเตรเลีย โดยยังมีแผนที่จะเปิดในอังกฤษ และ แม็กซิโก ในอีกภานในห้าปีจะเปิดอีก 25 สาขานอกสหรัฐอเมริกา คริสปี้ครีมได้ร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าอย่าง Harrods เพื่อทำการเปิดร้านในอังกฤษ แต่อย่างไรก็ดีมารยาทการรับประทานอาหารและพฤติกรรมการทานของชาวอังกฤษกับชาวอเมริกันมีความแตกต่างกัน ชาวอังกฤษจะชินกับการรับประทานอาหารเช้าอย่าง ไข่ เบคอนและนม คริสปี้ครีมวางแผนที่จะสร้างความสะดวกให้ชาวอังกฤษโดยการแทน biscuit หรือคุกกี้ด้วยโดนัทเป็นของทานเล่น ความกังวลอีกประการคือการดึงดูดลูกค้าให้ซื้อโดนัทเป็นโหลและนำไปที่ออฟฟิส คนส่วนมากในอังกฤษไม่มีรถยนต์ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สะดวกที่จะขับรถไปซื้อระหว่างทางไปทำงาน มารยาทในออฟฟิสมีความเป็นทางการมากกว่าในอเมริกา นอกจากนี้คริสปี้ครีมยังจะนำเสนอการดื่มกาแฟให้กับชาวอังกฤษที่ดื่มชาอีกด้วย
อนาคต
คริสปี้ครีมอยากจะเปิดสาขาในญี่ปุ่น แม็กซิโก เกาหลีใต้ และสเปน แต่วัฒนธรรมอื่นเหล่านี้จะชอบของหวานที่หวานมีแคลลอรี่สูงอย่างที่ชาวอเมริกันชอบทานหรือไม่ วิธีหนึ่งที่คริสปี้ครีมจะสร้างสมดุลได้คือการนำเอาขนมหรือตัวเลือกของทานเล่นอื่นที่ดีต่อสุขภาพมาจำหน่าย ผู้เชื่ยวชาญจากกรมป้องกันและควบคุมโรคในจอร์เจีย กล่าวว่าหนึ่งในสามของชาวอเมริกันมีน้ำหนักเกิน อาหารฟาสฟู๊ดเป็นแหล่งที่มาหลักที่ทำให้เกิดโรคอ้วน ร้านอาหารฟาสฟู๊ดหลายที่เริ่มที่จะดัดแปลงเมนูให้มีเมนูที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น คริสปี้ครีมเองก็กำลังมองหาวิธีการปรับปรุงสินค้าและบริการเพื่อที่จะพัฒนาโดนัททางเลือกที่ให้แคลลอรี่น้อยลง